วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำความสะอาดและดูแลรักษาภาชนะแก้ว

                สำหรับแก้วที่ใช้เป็นภาชนะใส่เครื่องดื่มควรล้างโดยใช้วิธีของบาร์เทนเดอร์คือ  “Stemware  Washing”  คือใช้มือจับที่ก้านแก้วแกว่งแก้วแรงๆ  ในน้ำยาล้างแก้วผสมน้ำร้อน  และรีบจุ่มล้างลงในอ่างน้ำร้อน  จากนั้นคว่ำแก้วในแห้งบนผ้าสะอาด
                ถ้าต้องการให้แก้วมีความเงาวาววับ ไร้รอยขีดข่วน ให้เติมน้ำส้มสายชูหรือสารบอแรกซ์เล็กน้อยลงในน้ำร้อนที่ล้างครั้งสุดท้าย
                ถ้าแก้วมีรอยเปื้อนที่เกิดจากตะกอนน้ำกระด้าง  ให้ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูขัดเช็ด
                ห้ามใช้น้ำร้อน  น้ำสบู่  แอมโมเนีย  หรือโซดาล้างแก้วที่มีขอบเป็นเงินหรือทอง
                ถ้าภาชนะแก้วเปื้อนไข่ดิบ  ให้ฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ  ถูตรงบริเวณนั้น
                การล้างคริสตัลควรล้างในน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วนน้ำ  3  ส่วน  น้ำส้มสายชู  1  ส่วน เมื่อล้างแล้วตากให้แห้ง  อย่าเช็ด
                วิธีการเก็บรักษาเครื่องแก้วที่ดีที่สุดคือ  ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ชุบน้ำหุ้มภาชนะแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง  กระดาษจะทำหน้าที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันการแตกหักได้

นานาน่ารู้ก่อนกินอาหาร

เมื่ออาหารผ่านเข้าสู่ร่างกายแล้วต้องผ่านกระบวนการย่อยหลายขั้นตอน  ไม่มีอาหารใดที่ร่างกายดูดซึมได้ทันที  ส่วนที่ใช้ได้จะย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย  ส่วนที่นำไปให้ไม่ได้ถูกกำจัดออกในรูปของกากอาหารและถูกขับถ่ายออกมาในที่สุด  เคมีที่ใช้ในการย่อยอาหารประกอบด้วยของเหลวและเอนไซม์หลายอย่างที่มีความเป็นกรดและด่าง  ในการกินอาหารแต่ละครั้ง  ในมื้อหนึ่งควรกินอาหารประเภทเดียวกันจะทำให้ย่อยง่ายขึ้น  ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ทำงานหนักสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการกินอาหารที่มีส่วนประกอบหลายอย่าง  คือพยายามอย่าผสมโปรตีนกับคาร์โบไฮเดรตเข้มขันเข้าด้วยกัน  เพราะเมื่อเรากินโปรตีนเข้าไป  ร่างกายจะให้เวลาในการย่อยนานประมาณ  2-6 ชั่วโมง  ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของโครงสร้างโมเลกุลของโปรตีนแต่ละชนิดด้วย  เมื่อค้างอยู่ในท้องนานทำให้มีอาการท้องอืด  หากมื้ออาหารนั้นมีโปรตีนมาก  วิธีแก้คือให้กินผลไม้รสเปรี้ยวที่อุดมด้วยวิตามินซี  จะช่วยย่อยโปรตีนได้เป็นอย่างดี  เช่น  ส้ม  สับปะรด  เกรปฟรุต  มะนาว  ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ไม่ควรกินอาหารที่มีส่วนผสมของโปรตีนและไขมันเข้าด้วยกัน  เพราะไขมันเป็นเหมือนกำแพงที่สกัดกั้นไม่ให้น้ำย่อยออกมาย่อยอาหารได้ เมื่อน้ำย่อยลดลง  การย่อยก็ช้าลงตามไปด้วย
ควรเลือกกลุ่มอาหารกินให้เข้ากันอย่างเหมาะสมในแต่ละมื้อ  เพื่อช่วยให้ร่างกายย่อยได้ง่ายที่สุดอาหารที่กินด้วยกันได้  เช่น  แป้ง  ไขมัน  ผัก  น้ำตาล  เพราะต้อนการสภาพความเป็นกลางหรือเป็นด่าง  ในการย่อย  ส่วนพวกโปรตีนควรกินกับผักและอาหารที่เป็นกรด  เพราะต้องการลักษณะที่จะเป็นกรดกลางๆ  ในการย่อย  แต่สิ่งที่ไม่ควรกินด้วยกันคือ  แป้งกับโปรตีน  ไขมันกับโปรตีน  แป้งกับของเปรี้ยว  สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรตระหนักคือ  ในหนึ่งมื้อไม่ควรมีความหลายหลายของเมนูที่มากเกินไป  เช่นทั้งโปรตีน  คาร์โบไฮเดรต  ไขมัน  ซึ่งจะทำให้ต้องรอการย่อยอยู่ในท้องนาน  6-7 ชั่วโมง  ถ้าคาร์โบไฮเดรตที่เรากินเข้าไปไม่มีโปรตีน  ไม่นานก็ย่อยหมดแล้ว  ถ้าเป็นพวกผลไม้ยิ่งย่อยง่ายขึ้น 
ควรกินอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละมื้อ  กินให้เป็นกลุ่มๆ  เช่น  มื้อหนึ่งเน้นผัก  อีกมื้อหนึ่งเน้นแป้ง  อีกมื้อหนึ่งเน้นโปรตีน  และตบท้ายด้วยผลไม้สดจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่หนักมากนักทั้งสบายท้องอีกด้วย
จัดอาหารให้พอเพียงกับปริมาณความต้องการของแต่ละคนและจำนวนคน  ซึ่งนอกจากช่วยประหยัด  ไม่กินเหลือทิ้งขว้างแล้ว  ยังเป็นการควบคุมน้ำหนักไปในตัว  เพราะการกินมากกว่าพลังงานที่ต้องใช้ในแต่ละวันจะถูกเก็บในรูปของไขมัน  ทำให้มีน้ำหนักเกิน (อ้วน)  ดังนั้นถ้าอยากให้มีสุขภาพดีและไม่อ้วนต้องมีสมดุลของพลังงานที่รับเข้าไปและพลังงานที่ใช้ให้พอดีกัน  ผนวกกับจัดสรรอาหาแต่ละมื้อให้เข้าคู่กันเพื่อให้ย่อยง่ายดังที่กล่าวมา